บทความ

“10 เทรนด์เทคโนโลยี เปลี่ยนอนาคตโลกธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ปี 2026” โดย Gartner

03 พฤศจิกายน 2568

“ในยุคที่ AI กลายเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนทุกองค์กร...การตามเทรนด์เทคโนโลยีให้ทันจึงไม่ใช่แค่เรื่องของนักพัฒนาอีกต่อไป แต่คือหน้าที่ของผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ เพื่อการอยู่รอดในโลกดิจิทัล”

10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ปี 2026

🧱 The Architect: “เน้นการสร้างรากฐานที่มั่นคง ปลอดภัย และสามารถขยายตัวได้”
1. AI-Native Development Platforms

“พัฒนาเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI”

AI-Native Development Platforms คือระบบที่ใช้ Generative AI ในการสร้างและปรับปรุงซอฟต์แวร์ ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันทำได้เร็วขึ้นหลายเท่า แม้ทีมพัฒนาจะมีขนาดเล็ก แต่สามารถสร้างซอฟต์แวร์คุณภาพระดับองค์กรได้ แพลตฟอร์มเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องมือที่สร้างโค้ดจากคำสั่งเดียว (One-Shot Generation) ไปจนถึงระบบ AI agents ที่ทำงานร่วมกับนักพัฒนาแบบอัตโนมัติ ผลลัพธ์คือ ต้นทุนลดลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น

Gartner คาดว่าภายในปี 2030 กว่า 40% ของแอปพลิเคชันองค์กรจะถูกสร้างจากแพลตฟอร์ม AI-Native องค์กรควรเริ่มทดลองใช้กับโปรเจกต์ขนาดเล็ก พร้อมตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยและการกำกับดูแลการใช้ AI


2. AI Supercomputing Platforms

“พลังประมวลผลที่เปิดประตูสู่ AI ขั้นสูงและนวัตกรรมไร้ขีดจำกัด”

AI Supercomputing Platforms คือระบบประมวลผลขั้นสูงที่รวมพลังของ GPU, CPU, และ Quantum Processor เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ (Large-scale AI Models) ที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง สำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนา AI ขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก หรือ Simulation ขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้ Supercomputing เพื่อขยายศักยภาพของระบบ

โดย Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 คาดว่า กว่า 40% ขององค์กรชั้นนำจะใช้ “Hybrid Computing” ที่ผสมผสานระบบแบบเดิมกับระบบประมวลผลยุคใหม่ เพื่อให้การทำงานของ AI มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และยั่งยืน


3. Confidential Computing

“ความปลอดภัยของข้อมูลในระหว่างการประมวลผล”

Confidential Computing คือเทคโนโลยีที่ปกป้องข้อมูลขณะถูกใช้งาน (Data in Use) ผ่าน “Trusted Execution Environments” (TEE) โดยข้อมูลจะถูกเข้ารหัสและป้องกัน โดยแม้แต่ผู้ให้บริการคลาวด์เองก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรหรือผู้ให้บริการภายนอกได้อย่างมั่นใจ เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว เช่น PDPA หรือกฎหมาย Data Localization

Gartner คาดว่า ภายในปี 2029 กว่า 75% ของกระบวนการประมวลผลข้อมูลบนโครงสร้างที่ไม่น่าเชื่อถือจะใช้มีการใช้ Confidential Computing ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของการปกป้องข้อมูลในโลกยุค AI

🤖 The Synthesist: “เน้นการเชื่อมต่อโมเดลเฉพาะทาง ระบบอัจฉริยะ ผสานเข้ากับโลกจริงเพื่อสร้างมูลค่าใหม่”
4. Multiagent Systems

“AI หลายตัวทำงานร่วมกันเพื่อภารกิจที่ซับซ้อน”

Multiagent Systems (MAS) คือระบบที่รวม AI หลายตัวมาทำงานร่วมกัน โดยแต่ละ Agent จะเชี่ยวชาญในภารกิจเฉพาะตัว เช่น การวิเคราะห์ การคำนวณ หรือการสื่อสาร เมื่อเชื่อมโยงกัน จะสามารถจัดการงานที่ซับซ้อนหลายขั้นตอนแทนระบบ AI เดี่ยวได้ MAS ช่วยให้องค์กรเพิ่มความยืดหยุ่นของการทำงานอัตโนมัติ และเชื่อมต่อการทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้ดีมากยิ่งขึ้น

Gartner รายงานว่า มีความสนใจในเทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 1,400% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี และคาดว่า ภายในปี 2028 MAS ส่วนใหญ่จะสามารถทำงานร่วมกันระหว่างหลายผู้พัฒนา (Multivendor Interoperability) ได้เต็มรูปแบบ


5. Domain-Specific Language Models (DSLMs)

“AI ที่เข้าใจอุตสาหกรรมของคุณจริงๆ”

DSLMs คือโมเดลภาษาที่ถูกฝึกด้วยข้อมูลเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม เช่น การเงิน การแพทย์ หรือกฎหมาย เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์จาก AI มีความแม่นยำสูง ปลอดภัย และเป็นไปตามกฎระเบียบของแต่ละอุตสาหกรรม ต่างจากโมเดลทั่วไป (LLM) ที่เน้นความกว้าง แต่ DSLMs จะเน้นความลึกและความถูกต้องทางธุรกิจก่อนเสมอ

Gartner คาดว่า ภายในปี 2028 กว่า 30% ของโมเดล Generative AI ในองค์กรจะเป็น DSLM และส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งภายในองค์กร (On-Premise) เพื่อควบคุมข้อมูลได้อย่างปลอดภัย


6. Physical AI

“AI ที่ออกมาทำงานในโลกจริง”

Physical AI คือการผสาน AI เข้ากับอุปกรณ์จริง เช่น หุ่นยนต์ โดรน รถยนต์อัตโนมัติ หรือเครื่องจักรในโรงงาน เพื่อให้ระบบเหล่านี้สามารถ “รับรู้–ตัดสินใจ–ลงมือทำ” ได้อย่างอิสระ

ภายในปี 2028 Gartner คาดว่า กว่า 80% ของคลังสินค้าทั่วโลกจะใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของอุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่โลจิสติกส์จนถึงการแพทย์ และยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกกายภาพอย่างแท้จริง

🛡️ The Vanguard: “เน้นการปกป้องชื่อเสียงองค์กร รักษาความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามกฎระเบียบ”
7. Preemptive Cybersecurity

“ป้องกันก่อนถูกโจมตี คือยุทธศาสตร์ใหม่ของ Cybersecurity”

Preemptive Cybersecurity ใช้ AI ในการคาดการณ์และหยุดยั้งภัยคุกคามก่อนเกิดเหตุจริง แทนที่จะรอให้เกิดเหตุแล้วจึงแก้ไขป้องกัน เทคโนโลยีนี้ผสานแนวทางเช่น Predictive Threat Intelligence และ Automated Moving Target Defense ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับช่องโหว่ล่วงหน้า และลดความเสียหายจากภัยคุกคามที่ซับซ้อน

โดย Gartner คาดว่า ภายในปี 2030 กว่า 50% ของงบด้านระบบความปลอดภัยจะถูกลงทุนในระบบป้องกันเชิงรุกนี้


8. Digital Provenance

“สร้างความเชื่อมั่นด้วยการตรวจสอบที่มาของข้อมูลและเนื้อหา”

Digital Provenance คือการตรวจสอบและยืนยันที่มาของซอฟต์แวร์ ข้อมูล และคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI ผ่านเทคนิคเช่น Digital Watermarking และ Attestation Databases เทคโนโลยีนี้ช่วยป้องกันปัญหาข่าวปลอม การปลอมแปลงเนื้อหา หรือ Deepfake รวมถึงสร้างความโปร่งใสในกระบวนการทำงานของระบบ AI

Gartner ชี้ว่า กฎหมายใหม่อย่าง EU AI Act จะทำให้การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลกลายเป็น “ข้อบังคับทางกฎหมาย” สำหรับองค์กรในอนาคต


9. AI Security Platforms

“รวมศูนย์ความปลอดภัยของระบบ AI ทั้งหมดไว้ในจุดเดียว”

AI Security Platforms (AISPs) คือระบบที่รวมระบบควบคุมความปลอดภัยของ AI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มาจาก AI เช่น Prompt Injection, Rogue Agent หรือการรั่วไหลของข้อมูล แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้องค์กรควบคุมการใช้ AI ทั้งจากแอปพลิเคชันภายในและจาก Third-Party ได้อย่างปลอดภัย

Gartner คาดว่า ภายในปี 2028 กว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกจะใช้ AISPs เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างความปลอดภัยหลัก ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้าง “AI ที่เชื่อถือได้”


10. Geopatriation

“ลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยการควบคุมข้อมูลในประเทศ”

Geopatriation คือกลยุทธ์การย้ายข้อมูล หรือระบบจากผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกไปยัง “Sovereign Cloud” หรือศูนย์ข้อมูลภายในประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากข้อพิพาทระหว่างประเทศและกฎหมายข้อมูลที่เข้มงวด ในยุคที่กฎเกณฑ์ด้านความเป็นส่วนตัวและอธิปไตยข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น องค์กรต้องวางแผนเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hybrid Cloud + Local Provider เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และความสอดคล้องตามข้อกฎหมาย


ทำไมเทรนด์เหล่านี้จึงสำคัญต่อองค์กร “ในตอนนี้”?

จากรายงานของ Gartner สะท้อนให้เห็นว่า “AI ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นของทุกองค์กร” เทรนด์ทั้ง 10 ข้อนี้ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนา การใช้งาน ไปจนถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของเทคโนโลยี องค์กรที่เริ่มวางแผนปรับตัวรับมือกับเทรนด์เหล่านี้ตั้งแต่วันนี้ จะได้เปรียบด้านการแข่งขันใน 3–5 ปีข้างหน้า

โดยจะได้เปรียบในด้านต่างๆ เช่น

  • เสริมความยืดหยุ่นขององค์กรให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนแปลง
  • เร่งนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วขึ้น
  • ปรับกลยุทธ์ด้านข้อมูลให้สอดคล้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศ
  • นำพาการเปลี่ยนแปลงด้วยความมั่นใจ

เทรนด์เหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน และสะท้อนความจริงในโลกที่ “ไม่มีความสามารถใดเพียงอย่างเดียวเพียงพออีกต่อไป”


มุมมองจาก Metro Systems Corporation (MSC)

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมสนับสนุนองค์กรไทยในทุกมิติของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ด้วยความมุ่งมั่นในการให้บริการอย่างเป็นเลิศแก่ลูกค้าด้วยโซลูชัน IT ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Infrastructure, Cloud, Cybersecurity, Data Management หรือ AI เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้องค์กรไทย เติบโตอย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในโลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีเปลี่ยนได้ทุกวัน แต่ความเชื่อมั่นและความยืดหยุ่นคือสิ่งที่องค์กรต้องสร้างวันนี้ เพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า “เพราะความสำเร็จของลูกค้า คือธุรกิจของเรา”

คลิกเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

reference:

https://www.gartner.com/en/articles/top-technology-trends-2026

https://www.gartner.com/en/newsroom/press-releases/2025-10-20-gartner-identifies-the-top-strategic-technology-trends-for-2026?utm_source=chatgpt.com